Kingdom :
Subkingdom :
Phylum :
Subkingdom :
Phylum :
Monera
Eubacteria
Cyanobacteria
Eubacteria
Cyanobacteria
เป็นสาหร่ายที่เกาะกันเป็นพืดปกคลุมอยู่บนหินในยุคแคมเบรียนและในยุคก่อนหน้านั้น ปัจจุบันนี้ เหลืออยู่เพียงที่เดียวในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ คือ ที่อ่าวชาร์ก ทางภาคตะวันตกของออสเตรเลีย ซึ่งในอดีตแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก โดยแนวก้อนหินใหญ่น้อยหิน ที่มีสาหร่ายสโตรมาโตไลท์ปกคลุมนั้น จะมีผิวด้านบนเป็นจุลินทรีย์ที่เจริญเติบโตซ้อนกันเป็นชั้นบางๆ โดยชั้นบนสุดคือ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน(Blue-green algae) หรือที่เรียกว่า ไซยาโนแบคทีเรีย(Cyanobacteria) ที่สังเคราะห์แสงและผลิตก๊าซออกซิเจน ส่วนชั้นกลางเป็นแบคทีเรียที่ทนออกซิเจนและแสงแดดได้บ้าง และชั้นล่างสุด เป็นแบคทีเรียที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ในสภาวะไร้ออกซิเจนและแสงแดดเท่านั้น ดำรงชีวิตแบบพึ่งพากัน(Mutualism)
เศษตะกอนที่มาติดตามพืดหิน จะถูกจุลินทรีย์เหล่านี้เชื่อมติดกันและพอกหนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหินแข็งๆ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จึงต้องเจริญเติบโตแทรกผ่านชั้นตะกอนขึ้นมาเพื่อให้ได้รับแสงแดด ทำให้เห็นเป็นชั้นๆแทรกในหิน
สโตรมาโตไลท์มีความสำคัญต่อการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตคือ เป็นตัวจัดหาออกซิเจนให้แก่สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มในยุคพรีแคมเบรียน ทั้งนี้ในยุคก่อนหน้าี้ไม่มีออกซิเจนอิสระอยู่เลย แต่จะอยู่ในรูปของสารประกอบที่ปะปนอยู่สสารต่างๆ รวมทั้งน้ำทะเล (เหมือนกับเกลือละลายในน้ำทะเล) ออกซิเจนทีสาหร่ายสโตรมาโตไลต์สร้างขึ้นจากการสังเคราะห์ด้วยแสง เป็นส่วนหนึ่งที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ แบบหายใจโดยไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic bacteria) ทำให้เกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่มีโครงสร้างซับซ้อน ที่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนซึ่งให้พลังงาน Adenosine triphosphate (ATP) สูงกว่า จนเกิดวิวัฒนาการจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ ชั้นเมือกเหนียวๆ ของสาหร่ายสโตรมาโตไลท์ที่ยังมีชีวิตอยู่ จะคอยดักเศษตะกอนและเศษซากหรือเปลือกของสิ่งมีชีวิตให้ติดอยู่กับสาหร่ายสโตรมาโตไลต์ ในสภาพที่เอื้อต่อการเป็นซากดึกดำบรรพ์ (fossilization) เราจึงพบซากดึกดำบรรพ์จำนวนมากแทรกอยู่ในชั้นของของซากดึกดำบรรพ์สโตรมาโตไลท์ เป็นแหล่งสังเกตสำคัญให้กับนักเรียนที่ไปร่วมกิจกรรมศึกษาสำรวจฯเมื่อสาหร่ายสโตรมาโตไลท์ผลิตก๊าซออกซิเจนออกมา จะทำปฏิกิริยากับธาตุเหล็กในน้ำทะเล เกิดเป็นสนิม (Fe2O3) จมลงสู่ก้นทะเล ก่อเกิดลวดลายต่างๆ สะสมเป็นหินตะกอน ส่งผลให้หินในสภาพแวดล้อมนี้มีสีแดง
นอกจากสาหร่ายสโตรมาโตไลท์จะผลิตก๊าซออกซิเจน เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารให้กับระบบนิเวศ จึงพบซากดึกดำบรรพ์สิ่งมีชีวิตหลายชนิดปะปนอยู่ภายในซากดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ ได้แก่ รูหนอนชอนไช, พลับพลึงทะเล (Crinoidea) ดังภาพประกอบ
แทบจะกล่าวได้ว่า ซากดึกดำบรรพ์ของสโตรมาโตไลท์เป็นซากดึกดำบรรพที่คุ้นหูคุ้นตาคนละงู จังหวัดสตูลมากที่สุด บางแห่งเป็นความเชื่อในแง่เป็นที่สิงสถิตย์ของผู้ปกปักรักษา แต่ส่วนที่กระจายอยู่ตามห้วย คลองและในป่ายาง ตลอดจนหินกลิ้งที่ตกมาจากเขา ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนได้มาตัดหินที่มีซากสโตรมาโตไลต์เป็นแผ่น เพื่อนำมาใช้ประโยชน์เป็นหินแผ่นประดับ จัดสวนตามบ้านเรือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น