วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หลักการเบื้องต้นของการสำรวจและศึกษาซากดึกดำบรรพ์

หลักการเบื้องต้นของการสำรวจและศึกษาซากดึกดำบรรพ์


การสำรวจและศึกษาซากดึกดำบรรพ์ อาศัยหลักการพื้นฐานใหญ่ 4 ประการคือ
  1. หลักการวางตัวซ้อนทับ (Law of Superposition) ซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ชั้นล่างย่อมมีอายุเก่าแก่กว่าซากดึกดำบรรพ์ที่อยู่ชั้นบน จากภาพประกอบซากดึกดำบรรพ์ D มีอายุมากกว่าซากดึกดำบรรพ์ C
  2. หลักความเป็นเอกภาพ (Law of Uniformitarianism)การจะอธิบายสภาพแวดล้อมยุคบรรพกาลของซากดึกดำบรรพ์ ที่เรียงตัวอยู่ในชั้นหิน สามารถเก็บข้อมูลจากสภาพของหินตะกอนต่างๆและการเรียงตัวของซากดึกดำบรรพ์
  3. หลักการใช้ซากดึกดำบรรพ์หาความสัมพันธ์ (fossil correlation) เป็นการค้นพบว่า ซากดึกดำบรรพ์ที่เกิดขึ้นในชั้นหินต่างกันนั้น จะมีรูปร่างและสายพันธุ์แตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะวางซ้อนอยู่ในชั้นใกล้เคียงกัน เรานำหลักการนี้ไปใช้ลงข้อสรุปว่า ชั้นหินที่อยู่ห่างไกลกัน หากเป็นหินและซากดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกัน แสดงว่า ชั้นหินทั้งสองแหล่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน และอาจเกิดขึ้นในแอ่งสะสมตะกอนเดียวกัน หลักการนี้ทำให้เกิดการหาอายุสัมพันธ์ของหินในที่ต่างๆ แล้วนำมาเทียบเคียงพัฒนาเป็นมาตรธรณีกาลที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
  4. การใช้ซากดึกดำบรรพ์เพื่อใช้หาความสัมพันธ์ของอายุชั้นหิน (index fossils) ซากดึกดำบรรพ์บางชนิดเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ของธรณีกาล และในช่วงชีวิตนั้นมีการแพร่กระจายไปได้กว้างขวางมาก เราจึงสามารถใช้ซากดึกดำบรรพ์ที่มีช่วงเวลาดำรงชีวิตจำเพาะนี้ เป็นซากดึกดำบรรพ์ดัชนี (Index fossil) ใช้ในการกำหนดอายุหินได้เป็นอย่างดี 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Fossil in Satun จัดทำโดย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2